WHAT'S NEWS » “แหวนแหวน”แชร์ประสบการณ์ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม รักษาหมดหลายล้าน!

“แหวนแหวน”แชร์ประสบการณ์ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม รักษาหมดหลายล้าน!

28 มกราคม 2023
307   0

ใช้เวลารักษาตัวมานานกว่า 5 ปีแหวนแหวน- ปวริศาเ พ็ญชาติ ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง หลังเคยป่วยเป็นมะเร็งเต้านมสมัยวัยรุ่น ในงานแถลงข่าว ความก้าวหน้าในการรักษามะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้นที่ที่มีผลบวกต่อตัวรับฮอร์โมน (hormone receptor, HR) และผลลบต่อตัวรับชนิด human epidermal growth factor receptor (HER2)”  ที่จัดขึ้น ณ ห้อง Ballroom 3 โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ โดยพญ.ชาฮีน่าดาวูดแพทย์ผู้เชียวชาญและที่ปรึกษาด้านโรคมะเร็ง จาก Mediclinic Middle East  ประเทศ UAEร่วมด้วยศ.ดร.นพ.พรชัยโอเจริญรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเต้านม หัวหน้าศูนย์เต้านม โรงพยาบาลเมดพาร์ค และศัลยแพทย์ด้านมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลเจ้าพระยา งานนี้ “แหวนแหวน” เลยปรึกษาคุณหมอว่า อยากจะมีลูกด้วยวิธีการทำ IVF จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมรอบ 2 หรือไม่

แหวนแหวน- ปวริศาเพ็ญชาติเล่าประสบการณ์ตรงว่าแหวนเป็นหนึ่งในผู้ที่มีประสบการณ์มะเร็งเต้านมตั้งแต่อายุ 23 ปี ต้องบอกว่าเป็นความโชคดีที่เจอเร็วและรักษาได้ทันท่วงที จนทุกวันนี้พูดได้ว่าหายแล้ว 99.99% ทำให้รู้เลยว่าโรคมะเร็งเต้านมนั้นอยู่ใกล้ตัวเรามาก และเจอในคนอายุเด็กลงทุกวัน อยากบอกผู้หญิงทุก ๆ คนว่าอย่ากลัวการตรวจมะเร็งเต้านม อย่ามองเป็นเรื่องที่ไกลตัว เพราะถ้าคุณยิ่งเจอช้า การรักษายิ่งยากและโอกาสในการหายน้อยลง แต่มางานวันนี้ก็ทำให้รู้ว่าเดี๋ยวนี้มะเร็งเต้านมก็เหมือนเป็นหวัด สามารถรักษาให้หายขาดได้ แม้กระทั้งเป็นขั้น 3 ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ถึง 74% 

ซึ่งการรักษามักจะประกอบไปด้วย การรักษาด้วยยาฮอร์โมน ยาเคมีบำบัด รังสีรักษา และการรักษาด้วยยาพุ่งเป้า ( Targeted Therapy ) โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาถึงความเสี่ยงของผู้ป่วยรายบุคคล สมัย 20 ปีที่แล้ว ตอนที่แหวนตรวจเจอ คือเหมือนโลกแตก รู้สึกว่าเราจะตายแล้วเหรอ  ตอนนั้นการเป็นมะเร็งเต้านมเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก นอกจากการกลัวตาย ยังเสียความมั่นใจด้วยที่ต้องโดนตัดหน้าอก โดนตัดไปเกือบเท่าลูกเทนนิส ก็มีความกังวลว่าหน้าอกเราจะเป็นยังไง มันจะเหมือนเดิมไหม สรุปคือไม่ได้เสียทรงไปมาก ทุกวันนี้ก็อยู่กับมันได้ แต่ก็กลัวว่าจะกลับมาเป็นอีก ก็คอยเช็คอัปมันตลอดปีละครั้ง ยุคนี้เทคโนโลยีไปไกลมาก 

อย่างตอนนี้เราจะทำ IVF ก็ต้องตรวจเช็คเยอะ คุณหมอที่ทำลูกเขาก็จะซีเรียสเรื่องของการใช้ฮอร์โมน เพราะฮอร์โมนคือตัวกระตุ้นมะเร็ง อย่างแหวนจะทาครีมอะไร ทานอะไร ฉีดฮอร์โมนอะไรต้องระวังหมด เพราะมีผลกับมะเร็งเต้านมหมด เวลาจะกระตุ้นไข่ทีต้องมีทีมหมอมานั่งปรึกษากันเลย ค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ เราตั้งใจ อยากได้มีน้อง 2 คน แต่ตอนนี้เอาให้ได้ 1 คนก่อน เราอยู่กับกระบวนการนี้มานานแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวคงจะต้องลองอีกรอบ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ถ้าไม่ได้จริงๆ คงจะถอดใจแล้ว

เพราะคุณหมอก็ไม่กล้าให้ฮอร์โมนเยอะ มันเสี่ยง อายุเท่านี้แล้ว มันก็ต้องอัดกันสุดตัว เรียกว่าเป็นเคสพิเศษเลยสำหรับการทำIVF คุณพ่อก็บอกขึ้นมาแล้วว่าชีวิตแลกชีวิตไม่เอานะ ได้หลานแต่ลูกเป็นมะเร็งเต้านมอีกรอบ ก็คงไม่ไหว ส่วนคุณสามี เขาก็กลัวเราเป็นมะเร็งอีก ลูกก็อยากมีแหละ ครอบครัวไม่มีฝ่ายไหนกดดันเลย เพราะเขาก็รู้ว่าเราพยายาม ถ้ามันไม่ได้จริงๆ เราก็พยายามที่สุดแล้ว ที่สำคัญลูกจะมีหรือไม่มี ไม่เป็นไร แต่เราต้องไม่ตาย ต้องมีเราอยู่ต่อไป เท่าที่ฟังโอกาสมันก็ 50:50 เพื่อน ๆ ก็ให้กำลังใจกันหมด วิทยาศาสตร์เราก็สู้มาสุดตัว สงสัยคงต้องไปสายมูบ้าง ตอนนี้ค่าใช้จ่ายหมดไปหลายล้านแล้ว ยังพูดกับพ่อแม่เลยว่าหลายล้านก็ส่วนนึงนะ แต่ร่างกายเรา ฮอร์โมนที่เทคเข้าไปนี่ก็ไม่รู้ว่าจะมีผลอะไรที่ไปสะสมไว้ข้างในรึเปล่า คือที่ผ่านมาเราต้องตรวจแล้วตรวจอีก วนๆไปจนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว โดนเยอะเหลือเกิน ก็เข้าใจคุณหมอว่าต้องเอาความปลอดภัยขอเราไว้ก่อน ไม่อยากให้มีผลข้างเคียงอะไรในอนาคต”

เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม

จากข้อมูลของ GLOBOCANระบุว่าปัจจุบันโรคมะเร็งเต้านมมีสถิติการเกิดมากกว่าโรคมะเร็งปอด โดยเป็นโรคมะเร็งที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยบ่อยที่สุดจากทั่วโลก จากจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 2.3 ล้านคนแสดงให้เห็นว่า 1 ใน 8 โรคมะเร็งทั้งหมดที่ได้รับการวินิจฉัยในปี 2563 ได้แก่ โรคมะเร็งเต้านม ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตประมาณ 685,000 คนในปี 2563 โรคมะเร็งเต้านมเป็นสาเหตุหลักอันดับที่ห้าที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งทั่วโลก โดยประมาณร้อยละ 70 ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมทั้งหมดพบว่าเป็นชนิดย่อย HR+ HER25