WHAT'S NEWS » เดน คูชิ ฟลูโลริ (Den Kushi Flori) ร้านอาหารในโตเกียวที่อยู่ในลิสต์ “ห้ามพลาด” พร้อมเปิดให้บริการที่กรุงเทพฯ

เดน คูชิ ฟลูโลริ (Den Kushi Flori) ร้านอาหารในโตเกียวที่อยู่ในลิสต์ “ห้ามพลาด” พร้อมเปิดให้บริการที่กรุงเทพฯ

10 กรกฎาคม 2023
210   0

เดน คูชิ ฟลูโลริ (Den Kushi Flori) ร้านอาหารในโตเกียวที่อยู่ในลิสต์ “ห้ามพลาด”
พร้อมเปิดให้บริการที่กรุงเทพฯ ด้วยเมนูที่ปรุงจากวัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น 100%
เพื่อยังคงรสชาติและคอนเซ็ปต์ออริจินัลจากร้านที่ญี่ปุ่น อาหารของ Den Kushi Flori มีเอกลักษณ์จากการนำจุดเด่นของอาหารฝรั่งเศส มาผสมผสานกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น ในสไตล์ innovative ซึ่งวัตถุดิบที่เลือกใช้ ไม่ใช่เฉพาะการคัดเกรดพรีเมี่ยมเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกด้วย ความลงตัวนี้มาจากความเชี่ยวชาญของ 2 เชฟที่เป็นเพื่อนกันมานาน

คือเชฟ ซาอิยุ ฮาเซกาวา (Chef Zaiyu Hasegawa) เจ้าของร้านและเชฟร้าน “Den”
ร้านไคเซกิชื่อดัง ในโตเกียว ที่ได้รับรางวัลอันดับ 1 จากการประกาศผล 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชีย “Asia’s 50 Best Restaurants for 2022” และ เชฟ ฮิโรยาสึ คาวาเตะ (Chef Hiroyasu Kawate) เจ้าของร้านและเชฟ ร้านอาหารฝรั่งเศสแนวโมเดิร์น “Florilège” แห่งเมืองโตเกียวที่มีชื่อเสียงเรื่อง

การรังสรรค์เมนูได้อย่างงดงามจากวัตถุดิบตามฤดูกาลของญี่ปุ่น รสชาติมีความอร่อยแบบซับซ้อนที่น่าค้นหา ได้รับรางวัลอันดับ 3 “Asia’s 50 Best Restaurants for 2022”
ในปี 2563 เชฟทั้ง 2 จับมือกันเปิดร้าน Den Kushi Flori ที่ชิบูยา กรุงโตเกียว โดยเลือกใช้คำว่า “Kushi” เชื่อมชื่อร้านของเชฟทั้ง 2 ซึ่ง Kushi เป็นอาหารที่เสิร์ฟแบบใช้ไม้เสียบ สื่อถึงการเชื่อมต่อสไตล์อาหารของ 2 ร้านและการเชื่อมความผูกพันระหว่างลูกค้าและร้านอาหารด้วยกัน ด้วยเมนูที่เสิร์ฟในรูปแบบคอร์ส ซึ่งเรียกการจัดและเสิร์ฟอาหารที่เป็นเอกลักษณ์นี้ว่า innovative cuisine อันมีความคล้ายคลึงกับสไตล์ไคเซกิ (kaiseki) แต่ถูกนำเสนอในรูปแบบที่แปลกใหม่และน่าสนใจยิ่งขึ้น

Den Kushi Flori สาขากรุงเทพฯ นำโดย เชฟ ซูซูมุ ชิมิสึ (Chef Susumu Shimizu) เชฟจากสาขาญี่ปุ่น ผู้ที่ทำให้ร้านสาข ญี่ปุ่นได้รับ 1 ดาวมิชลินในเวลาอันรวดเร็ว และมีชื่อเสียงโด่งดังจนต้องจองที่นั่งล่วงหน้าหลายเดือน เชฟชิมิสึได้นำประสบการณ์จากการทำงานในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงทั้งที่ญี่ปุ่นและฝรั่งเศส อาทิ ร้านที่ได้รับรางวัลมิชลิน 3 ดาวอย่างเช่น ร้าน “Marc Veyrat”, ร้าน “Arpège” ของเชฟ Alain Passard ผู้ซึ่งจุดประกายให้เชฟชิมิสึมีแรงบันดาลใจในการเป็นผู้เชี่ยวชาญอาหารจานเนื้อ (meat specialist) และนำพาความชำนาญจากประสบการณ์การขายเนื้อที่ร้าน Hugo Desnoyer ซึ่งเป็นร้านขายเนื้อที่ดีที่สุดในปารีส มารังสรรค์เมนูที่น่าหลงใหลให้กับ Den Kushi Flori Den Kushi Flori สาขากรุงเทพฯ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ตั้งอยู่ที่ชั้น LG อาคารเอราวัณ แบงค็อก ที่สะดวกทั้งในการเดินทางและจอดรถในอาคาร เชฟชิมิสึและทีมเชฟ พร้อมโชว์วิธีการปรุงอาหารในรูปแบบ innovative cuisine ที่น่าสนใจและเสิร์ฟผ่านหน้าเคาน์เตอร์ให้กับลูกค้า

ซึ่งนอกจากความอร่อยลูกค้ายังจะได้รับความเพลิดเพลินและชื่นชมความคล่องแคล่วว่องไวของเชฟแบบใกล้ชิด การตกแต่งภายในร้าน มีความคล้ายที่ญี่ปุ่นเพื่อคงไว้ซึ่งบรรยากาศเดียวกัน ด้านในตกแต่งโทนสีเข้มตัดกับแสงไฟที่มีความสลัวๆ ทำให้รู้สึกถึงการต้อนรับที่อบอุ่นทั้งจากเชฟและพนักงาน การจัดที่นั่งของร้านห้องหลักจะมีเคาน์เตอร์ตรงกลางรูปตัวยู ซึ่งหลังเคาน์เตอร์จะเป็นพื้นที่การจัดเตรียมและทำอาหารของเชฟ มีที่นั่ง 18 ที่ล้อมเคาน์เตอร์ ซึ่งเป็นจำนวนที่เท่ากันกับที่โตเกียว แสดงถึงเป็นจำนวนที่เหมาะสมสำหรับเชฟในการดูแลลูกค้าให้ทั่วถึง และมีห้องรับรองแบบส่วนตัว 1 ห้อง 6 ที่นั่ง ที่ดูสวยมีเสน่ห์จากการใช้โทนสีทองแดง

Den Kushi Flori สาขากรุงเทพฯ เปิดให้บริการทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) สอบถามข้อมูลและจองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ โทร. 02-022-0200 หรือ LINE OA: @denkushifloribkk

โดยมื้อกลางวัน5 คอร์ส ราคา 2,800++ บาท (เวลา 12.00 – 15.00 น. last booking 13.00 น.) และ มื้อ Dinner 7 คอร์ส ราคา 3,500++ บาท (เวลา 18.00 – 21.30 น. last booking 19.30 น.)

Den Kushi Flori คอร์สเมนู
Lunch: 2,800++ บาท

  1. Wakame with Fromage Blanc
  2. Deep Fried Taro with Bisque soup
  3. Steamed Chicken with Japanese Leek
  4. Clay pot Rice with Japanese Sweet Corn and Wagyu Beef
  5. Dessert, choice of Caramel Pudding or Daifuku Mochi

Dinner: 3,500++ บาท

  1. Wakame with Fromage Blanc
  2. Deep Fried Taro with Bisque soup
  3. Fresh Spring Roll filled with Mantis Shrimp, Eggplant, Edible Flower, with Watermelon Sauce and

Spicy Oil

  1. Steamed Chicken with Japanese Leek
  2. Chawanmushi with Foie gras
  3. Clay pot Rice with Japanese Sweet Corn and Wagyu Beef
  4. Dessert, choice of Caramel Pudding or Daifuku Mochi